ทายซิ ทายซิ หนูรักพ่อมากแค่ไหน
กระต่ายน้อยสีน้ำตาล เกาะหูยาวของพ่อกระต่ายแน่นเตรียมตัวจะไปนอน กระต่ายน้อยอยากรู้ว่า พ่อกำลังฟังมันพูดอยู่หรือเปล่า “จึงถามขึ้นว่า ทายซิ ทายซิ หนูรักพ่อมากแค่ไหน” “พ่อคงทายไม่ถูกหรอกลูก” พ่อกระต่ายสีน้ำตาลบอก “มากเท่านี้ไง” กระต่ายน้อยบอกพ่อ พร้อมกับกางแขนออกกว้างที่สุดเท่าที่จะกว้างได้ พ่อกระต่ายสีน้ำตาลกางแขนออกและบอกว่า “แต่พ่อรักลูกมากเท่านี้” โอ้โฮ มากจังเลย กระต่ายสีน้ำตาลคิด” หนูรักพ่อสูงลิบเท่าสุดมือของหนูเลย” กระต่ายน้อยบอก “พ่อก็รักลูกสูงลิบเท่าสุดมือของพ่อ” พ่อกระต่ายสีน้ำตาลบอกลูก สูงจริงๆ ด้วย กระต่ายน้อยคิดว่า มันอยากจะมีแขนยาวๆ เหมือนพ่อบ้าง แล้วกระต่ายน้อยสีน้ำตาลก็มีความคิดดีๆ ขึ้นมา มันจึงดีลังกายกขาขึ้นแตะต้นไม้ “หนูรักพ่อตลอดตัว ตั้งแต่หัวถึงสุดปลายเท้า!” กระต่ายน้อยสีน้ำตาลบอกพ่อ “พ่อก็รักลูกตลอดตัว ตั้งแต่หัวถึงสุดปลายเท้าของลูกเลย” พ่อกระต่ายบอกพลางอุ้มกระต่ายน้อยเหวี่ยงสูงขึ้นไปเหนือหัว “หนูรักพ่อสูงเท่าที่หนูกระโดด!” กระต่ายน้อยสีน้ำตาลหัวเราะชอบใจ แล้วกระโดดขึ้น กระโดดลงไปมา “แต่พ่อน่ะ รักลูกสูงเท่าที่พ่อกระโดดเลยนะ” พ่อกระต่ายสีน้ำตาลยิ้ม แล้วกระโดดสูงลิบจนหูยาวๆ ของมันแตะกิ่งไม้ กระโดดสูงจังกระต่ายน้อยคิดว่า มันอยากจะกระโดดได้สูงเหมือนพ่อบ้าง “หนูรักพ่อไกลไปสุดแม่น้ำเลย” กระต่ายน้อยสีน้ำตาลบอกพ่อ “พ่อรักลูกไกลเลยแม่น้ำ แล้วก็ข้ามเนินเขาไปอีก” พ่อกระต่ายสีน้ำตาลบอกลูก ไกลจังเลย กระต่ายน้อยสีน้ำตาลคิด แต่ตอนนี้มันง่วงนอนมาก จนแทบคิดอะไรไม่ออกแล้ว เมื่อกระต่ายน้อยมองผ่านพงหนามออกไปยังความมืดอันกว้างใหญ่ มันก็คิดได้ว่าคงจะไม่มีอะไรกว้างใหญ่กว่าท้องฟ้าอีกแล้ว “หนูรักพ่อ ตรงขึ้นไปจนถึงดวงจันทร์” กระต่ายน้อยสีน้ำตาลบอก แล้วหลับตาลง “โอ้โฮ ไกลเหลือเกิน ช่างไกลจริงๆ ลูก” พ่อกระต่ายพูด พ่อกระต่ายสีน้ำตาลจัดที่นอนใบไม้ให้กระต่ายน้อยนอน แล้วก้มลงจูบกระต่ายน้อย ขอให้ลูกนอนหลับฝันดี จากนั้น พ่อกระต่ายก็หมอบลงใกล้ๆ กระต่ายน้อย กระซิบบอกลูกพร้อมด้วยรอยยิ้ม “พ่อรักลูก ตรงขึ้นไปจนถึงดวงจันทร์….และกลับลงมา”
หนังสือภาพสำหรับเด็กเรื่อง ทายซิ ทายซิ หนูรักพ่อมากแค่ไหน เสริมพัฒนาการทั้ง 4 ด้านของเด็กๆ ที่ฟังนิทานเรื่องนี้ คือ
พัฒนาการด้านร่างกาย
ผู้อ่านหนังสือเล่มนี้ให้เด็กฟังควรจะโยกหรือขยับหนังสือขึ้นลงตาม เนื้อเรื่อง เช่น ตอนที่ลูกกระต่ายพูดว่า “หนูรักพ่อ สูงลิบเท่าสูดมือของหนูเลย” ผู้อ่านก็ยกหนังสือขึ้นเล็กน้อย และตอนที่พ่อกระต่ายพูดว่า” พ่อก็รักลูกสูงลิบเท่าสุดมือของพ่อ” ผู้อ่านก็ยกหนังสือขึ้นมากกว่าเดิม การที่ผู้อ่านยกหนังสือ ขึ้น-ลงนี้ เด็กๆ ก็จะกรอกสายตามองตาม ซึ่งเป็นการพัฒนากล้ามเนื้อตาของเด็ก หรือในบางครั้งผู้อ่านหนังสือเล่มนี้ชวนเด็กทำท่าตามลูกกระต่าย เช่น กางแขน ยกแขน หรือตีลังกาตามลูกกระต่ายก็จะทำให้เด็กได้พัฒนากล้ามเนื้อแขน กล้ามเนื้อขาอีกด้วย
พัฒนาการด้านอารมณ์จิตใจ
บรรยากาศระหว่างอ่านนิทานเรื่องนี้จะเป็นบรรยากาศที่อบอวลด้วยความ รักที่มีระหว่าง พ่อ – ลูกกระต่าย ซึ่งทำให้เด็กรับรู้ถึงความรู้สึกที่ดีต่อกันของพ่อกระต่ายและลูกกระต่าย ในขณะเดียวกันเด็กๆ ก็จะเกิดความรู้สึกที่ดีต่อพ่อของตนเองด้วย นอกจากนี้ถ้าผู้อ่านชวนทำท่าทางตามลูกกระต่าย เด็กๆ ก็จะเกิดความสนุกสนานด้วย
พัฒนาการด้านสังคม
การที่เด็กๆ นั่งฟังนิทาน และทำท่าทางตามนิทานก็ถือเป็นการอยู่ร่วมสังคมระดับหนึ่ง แต่ถ้าจะให้เกิดการเรียนรู้เรื่องสังคมมากขึ้น ผู้อ่านควรคิดเกมหรือตั้งกฎกติกาให้เด็กๆ ได้เล่นรวมกัน เพราะการที่เด็กอยู่ร่วมกันอย่างมีกฎกติกาถือเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับสังคม ที่ดียิ่งขึ้น
พัฒนาการด้านสติ-ปัญญา
ในขณะที่ฟังนิทานเรื่องนี้เด็กๆ จะได้รับรู้ถึงความรู้สึกของผู้อื่นที่มีต่อตน และความรู้สึกของตนเองที่มีต่อคนอื่น การรับรู้ความรู้สึกของทั้งผู้อื่นและตนเองนี้เป็นการอยู่อย่างมีสติ คือการรู้เท่าทันอารมณ์ของทั้งสองฝ่าย เมื่อเกิดสติก็จะทำให้เด็กๆ พัฒนาปัญญา คือ การเรียนรู้เรื่องอื่นๆ ไปด้วย เช่น กว้าง – แคบ สูง – เตี้ย เป็นต้น
หนังสือภาพสำหรับเด็กเรื่องทายซิ ทายซิ หนูรักพ่อมากแค่ไหน เมื่ออ่านให้เด็กๆ ฟังเด็กจะได้เรียนรู้ เรื่องต่างๆ มากมาย เช่น
เรียนรู้เรื่องตัวเด็ก
เด็กๆ จะได้เรียนรู้ขนาดของแขน – ขา และส่วนอื่นๆ ของตนเองที่มีขนาดเล็ก และสั้น เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่โตกว่า เป็นต้น
เรียนรู้ เรื่องบุคคลอื่นและสถานที่
ในนิทานเรื่องนี้นอกจากตัวเด็ก แล้วยังมีบุคคลอื่น คือพ่อเด็กๆ จะได้สังเกตคนอื่นอย่างละเอียด เช่น ขนาด เมื่อเปรียบเทียบกับขนาดของ และอารมณ์ความรู้สึกของคนอื่นที่มีต่อตนเอง “พ่อกระต่ายสีน้ำตาลจัดที่นอนใบไม้ให้กระต่ายน้อยนอน” เด็กๆ จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ ในบ้าน เช่น ที่กินข้าว ที่ทำครัว และที่นอน เป็นต้น
เรียนรู้เรื่องสิ่งต่างๆ รอบตัว
ในภาพประกอบหนังสือเล่มนี้จะมีภาพรั้ว ภาพถนนให้เห็นเป็นฉากในบางหน้า ซึ่งจะทำให้เด็กๆ สังเกตได้ว่ากระต่ายอยู่ไม่ไกลจากบ้านคนเลย และภาพรั้ว ภาพถนนนี้จะทำให้เด็กได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่มีอยู่รอบตัว หรือใกล้ตัวเด็ก
เรียนรู้ธรรมชาติรอบตัว
ภาพต้นไม้ใบหญ้า พระจันทร์ กลางวัน กลางคืน ในนิทานเรื่องนี้ล้วนแล้วแต่ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เรื่องธรรมชาติที่อยู่รอบๆตัวเด็กทั้งสิ้น
ภาษา ในนิทานเรื่องนี้มีภาษาอยู่ 2 กลุ่ม คือ
ภาษาที่เกิดภาพ
หรือภาษาที่แสดงรูปธรรม เช่น กว้าง, ยาว, สูง, สูงลิบ, ตลอดตัว, ตั้งแต่หัวถึงสุดปลายเท้า, ตีลังกา, เหวี่ยงสูงขึ้นไปเหนือหัว เป็นต้น
ภาษาที่แสดงความรู้สึก
หรือภาษาที่เป็นนามธรรม เช่น หนูรักพ่อ, ชอบใจ, ง่วงนอนมาก และนอนหลับฝันดี เป็นต้น
การเรียนรู้ภาษาจากนิทานแต่ละเรื่องจะให้ความชัดเจนต่างกัน แต่สำหรับเรื่องทายซิ ทายซิ หนูรักพ่อมากแค่ไหนนี้ จะมีความเด่น คือทำให้เด็กได้เรียนรู้ ภาษาที่ที่เป็นนามธรรมหรือความรู้สึกได้ขัดเจนที่สุด ซึ่งผู้เขียนมีศิลปะในการเขียนเชิงเปรียบเทียบที่แยบยลมากที่สุด
ศิลปะ
เทคนิคของภาพประกอบหนังสือเล่มนี้ เป็นเทคนิคที่ไม่ซับซ้อนคือ ลายเส้นปากกาดำระบายสีด้วยสีน้ำพิมพ์บนกระดาษสีครีม เพื่อความนุ่ม และทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่น ซึ่งทำให้เด็กได้เรียนรู้ถึงกระบวนการทำงานศิลปะที่สอดคล้องกับอารมณ์ความ รู้สึกได้เป็นอย่างดี
จินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์
การที่พ่อกระต่าย ลูกกระต่ายลุกขึ้นทำท่าทางกางแขน กางขา เหมือนคนนี้ ทำให้เด็กๆ ได้จินตนาการที่เหนือจริง แต่ยังไม่ถึงขั้นมีความวิเศษ การใช้ตัวละครที่เป็นสัตว์มาแสดงท่าทางอารมณ์ความรู้สึก ตลอดจนสามารถพูดได้เหมือนคนนี้เป็นการกระตุ้นให้เด็กๆ มีจินตนาการขึ้นมาระดับหนึ่ง ซึ่งส่งผลไปถึงการแสดงออกที่สร้างสรรค์ หรือเกิดความคิดสร้างสรรค์ ตามลำดับ
คุณธรรม จริยธรรม
ในนิทานเรื่องนี้ จะเป็นการแสดงความรู้สึกที่มีต่อกันระหว่างพ่อ – ลูก ซึ่งทำให้เด็กได้เรียนรู้ถึงการรับรู้ หรือล่วงรู้คนอื่น หรือจิตใจผู้อื่น เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้เด็กๆ เกิดการยอมรับผู้อื่น มีความเมตตากรุณาต่อผู้อื่น และรู้จักช่วยเหลือผู้อื่นในที่สุด
ดังนั้น พอจะสรุปได้ว่าในระหว่างที่เด็กๆ ฟังนิทานเรื่องนี้และทำกิจกรรม (ถ้ามี) หลังจากนิทานเรื่องนี้ เด็กๆ ก็จะสามารถมีพัฒนา และการเรียนรู้ ตามคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามวัยของเด็ก