Skip to content. | Skip to navigation

Personal tools
Log in
This Logo Viewlet registered to qPloneSkinBusiness4 product
You are here: Home Zipf’s Law - วรรณกรรม - การอ่านของนักเรียน

Zipf’s Law - วรรณกรรม - การอ่านของนักเรียน

เมื่อเด็กเริ่มต้นเรียนรู้ที่จะอ่าน พวกเขามักจะเผชิญกับความยากลำบากในการทำความเข้าใจกับตัวอักษรและคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย ทุกตัวอักษรและทุกคำล้วนเป็นสิ่งใหม่สำหรับพวกเขา การอ่านในช่วงแรกจึงเต็มไปด้วยการหยุดชะงักและความพยายามในการทำความเข้าใจทีละคำทีละประโยค

 

ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป เด็กที่อ่านหนังสืออย่างสม่ำเสมอจะพบว่าตนเองสามารถอ่านได้คล่องขึ้นโดยแทบไม่รู้ตัว พวกเขาสามารถกวาดสายตาผ่านตัวอักษรและประโยคต่าง ๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?
Zipf’s Law อธิบายว่า คำที่พบบ่อยๆจะเป็นคำที่เราเรียนรู้และจดจำได้เร็วที่สุด ทำให้การอ่านง่ายขึ้นเมื่อพบคำเหล่านั้นซ้ำ ๆ
ลองนึกภาพว่าเด็กคนหนึ่งเริ่มต้นอ่านนิทานง่าย ๆ คำว่า “ของ" "จะ" "ที่" และ "ไป" ปรากฏอยู่แทบทุกหน้าของหนังสือ คำเหล่านี้เป็นคำที่มีความถี่สูง และเมื่อเด็กๆพบมันบ่อยครั้ง พวกเขาจึงค่อย ๆ จดจำและเข้าใจได้โดยไม่ต้องสะดุด
การอ่านในช่วงแรกอาจเต็มไปด้วยการสะกดทีละคำ แต่เมื่อคำเดิมปรากฏซ้ำ ๆ เด็กจะเริ่มจดจำรูปคำของมันโดยอัตโนมัติ การต้องหยุดอ่านเพื่อตีความลดลง และพวกเขาสามารถไหลลื่นไปกับเรื่องราวได้มากขึ้น
เมื่อเด็กคุ้นเคยกับคำที่พบบ่อย พวกเขาก็สามารถรับมือกับคำศัพท์ที่ซับซ้อนขึ้นได้โดยไม่รู้สึกว่ามันยากเกินไป สมมติว่าเด็กเริ่มต้นจากนิทานเรื่องง่าย ๆ อย่าง “หนอนจอมหิว” ซึ่งมีคำศัพท์ที่ซ้ำไปซ้ำมาอย่างชัดเจน
พวกเขาจะรู้สึกคุ้นเคยกับคำบางคำและโครงสร้างประโยคแบบเรียบง่าย ต่อมาเมื่อพวกเขาอ่านหนังสือที่ซับซ้อนขึ้น เช่น แมงมุมเพื่อนรัก หรือ แฮร์รี พอตเตอร์ พวกเขาจะพบว่ามีคำบางคำที่ไม่คุ้นเคย แต่กลับสามารถเข้าใจบริบทได้ง่ายขึ้น เพราะคำศัพท์พื้นฐานและรูปแบบไวยากรณ์ที่พบบ่อยได้สร้างพื้นฐานให้พวกเขาแล้ว
หลักการของ Zipf’s Law ยังอธิบายได้ว่า ทำไมเด็กที่อ่านวรรณกรรมอย่างต่อเนื่องจึงสามารถขยายขอบเขตของคลังคำศัพท์ได้โดยธรรมชาติ32423.jpg
หนังสือแต่ละเล่มที่พวกเขาอ่านพาพวกเขาไปพบกับคำใหม่ ๆ ซึ่งอาจไม่ใช่คำที่พบบ่อยนัก แต่เมื่ออ่านหนังสือหลายเล่ม คำเหล่านี้จะปรากฏซ้ำ ๆ ในบริบทที่แตกต่างกัน ทำให้เด็กสามารถเข้าใจความหมายของมันได้โดยไม่ต้องท่องจำ
ตัวอย่างเช่น คำว่า "กระซิบ" อาจดูเป็นคำที่ไม่คุ้นเคยในตอนแรก แต่หากเด็กอ่านนิทานที่มีบทสนทนา พวกเขาจะพบว่ามันมักจะปรากฏพร้อมกับประโยคที่เกี่ยวข้องกับเสียงเบาหรือการพูดคุยลับ ๆ เมื่อคำเดียวกันนี้ปรากฏขึ้นในหนังสือเล่มอื่น เด็กจะสามารถเชื่อมโยงความหมายได้โดยอัตโนมัติ
การอ่านวรรณกรรมไม่เพียงช่วยให้เด็กเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ แต่ยังช่วยให้พวกเขาเข้าใจโครงสร้างของภาษาในระดับที่ลึกซึ้งขึ้น เมื่อพวกเขาอ่านบ่อยขึ้น การจัดเรียงคำและการใช้ไวยากรณ์ก็จะกลายเป็นสิ่งที่พวกเขาคุ้นเคยโดยไม่ต้องอาศัยกฎไวยากรณ์ที่ซับซ้อนจากตำราเรียน
เด็กที่อ่านหนังสือหลากหลายประเภทจะสามารถเข้าใจภาษาได้อย่างลื่นไหลมากขึ้น สามารถเขียนและพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะพวกเขาได้ซึมซับรูปแบบของภาษาโดยอัตโนมัติจากการอ่าน
ดังนั้น การสนับสนุนให้นักเรียนอ่านวรรณกรรมเป็นประจำจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การอ่านซ้ำ ๆ ทำให้ภาษากลายเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติสำหรับพวกเขา และเมื่อพวกเขาอ่านมากขึ้น คำศัพท์ โครงสร้างประโยค และแนวคิดที่ซับซ้อนขึ้นก็จะค่อย ๆ กลายเป็นส่วนหนึ่งของความสามารถทางภาษาของพวกเขาเอง
โรงเรียนที่ต้องการพัฒนาทักษะทางภาษาของนักเรียนในระดับสูงจึงควรสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการอ่านอย่างจริงจัง เพราะทุกหน้าของหนังสือที่นักเรียนเปิดอ่าน คืออีกก้าวหนึ่งที่พวกเขาเดินไปสู่ความสามารถทางภาษาที่แข็งแกร่งและยั่งยืน