คลื่นความปรารถนาดี...
ลองถามตัวเองดูว่า เราคิดดี พูดดี และทำดีกับลูกๆอยู่หรือไม่ ถ้าใช่...คุณกำลังเดินอยู่บนเส้นทางของการเลี้ยงลูกโดยถูกวิธี “คลื่นเสียงแห่งความปรารถนาดี”
คุณเคยมีความรู้สึกชอบหรือไม่ชอบหน้าใครบางคนที่เพิ่งเจอะเจอกันเป็นครั้งแรกบ้างหรือไม่หรือเคยรู้สึกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคุณนี่ ลึกๆ แล้าเขาไม่ค่อยจะชอบหน้าคุณสักเท่าไหร่ หรือบางครั้งคุณเองอาจทุ่มเถียงกับเสียงภายในห้วงความคิดของคุณเอง
ทั้งหมดเป็นตัวอย่างที่เรากำลังจะบอกว่า ทุกๆการกระทำของเราไม่ว่าจะเป็นการส่งสายตา การเคลื่อนไหว การพูด การคิด หรือการปฏิบัติตัวทุกอย่างจะมี “คลื่นเสียง”(vibration) ออกมาด้วยกันทั้งนั้น และถ้าเรามีคลื่นเสียงที่ดีต่อผู้ที่อยู่ตรงหน้าเราเขาจะรับรู้และตอบกลับความปรารถนาดีมาให้เราได้อีกต่อหนึ่ง
ด้วยหลักคิดนี้เองที่ อาจารย์เตือนใจ ศรีมารุต ศิลปินครูผู้ทำงานด้านดนตรีมายาวนาน ได้นำมาปรับใช้กับการเลี้ยงดูเด็ก โดยยึดการง่ายๆว่า พ่อ แม่ ควรคิดแต่สิ่งดีๆ และพูดด้วยเสียงไพเราะที่สำคัญควรปฏิบัติตัวกับลูกด้วยความรักและการเอาใจใส่อย่างแท้จริง
คลื่นเสียงแห่งความปรารถนาดีคืออะไร
คลื่นเสียงที่ว่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับดนตรี หรือเสียงต่างๆที่เกิดขึ้นเท่านั้นแต่รวมถึงทุกอากัปกิริยาของเรา ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหว การใช้สายตา ความคิด คำพูด การกระทำที่มีความปรารถนาดีเป็นที่ตั้ง เพียงเราลองขยับตัว หรือส่งสายตาไปให้ลูก คลื่นเสียงต่างๆจะเกิดขึ้นแล้ว ดังน้ัน หากพ่อแม่จะเลี้ยงลูกด้วยวิธีการใช้คลื่นเสียงแห่งความปรารถนาดี ก็เพิ่งริ่มต้นที่ทั้งพ่อและเเม่ต่างต้องรักกัน และต่างต้องมีความรู้สึกที่ดีต่อกันเพื่อก่อเกิดลูกที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดีของพ่อและแม่
หลังจากที่ลูกลืมตาดูโลกแล้ว การส่งคลื่นความปรารถนาดีจะครอบคลุมถึงเรื่องการดูแลเอาใจใส่รักใคร่ มีเวลาเล่นกับลูก ตั้งใจเลี้ยงลูกอย่างที่เขาเป็นจริงๆ และที่สำคัญคือการรักเขาด้วยความเข้าใจโดยไม่ได้เคลือบแฝงเงื่อนไขใดๆ ให้ลูกต้องเดินตามรอยทางที่พ่อแม่ขีดไว้
เส้นทางแห่งความปรารถนาดี มีวิธีปฏิบัติดังนี้
- คิดแต่สิ่งดีๆ ขณะที่เรากำลังตั้งครรภ์อยู่ เราสามารถส่งคลื่นความคิดดีๆ ไปให้ลูกได้ซึ่งตัวเองจะรับคลื่นดีๆจากเราไปได้เช่นกัน
- หาเวลาสงบๆ อาจจะนั่งเอกเขนกอยู่ใต้ต้นไม้หรือฟังเพลงเบาๆ เพื่อผ่อนคลายจิตใจของแม่ทำให้แม่สบายใจและสามารถส่งคลื่นดีๆให้กับลูกในท้องได้
- นั่งสมาธิ หายใจเข้า-ออกอย่างสงบ เมื่อจิตใจผ่อนคลาย ลูกในครรภ์ก็รู้สึกสบายอกสบายใจไปด้วย
*ร้องเพลงกล่อมลูก การได้สัมผัสตัวลูกหรือร้องเพลงกล่อมลูกเท่ากับแม่กำลังส่งคลื่นเสียงแห่งความปรารถนาดีให่ลูกแล้ว เมื่อลูกได้รับจะนอนหลับปุ๋ย แต่ถ้าแม่กำลังโกรธ คลื่นเสียงแห่งความโกรธ ความรุนแรงจะออกมาสู่ลูก ทำให้เขาเกิดอาการร้องไห้โยเย หงุดหงิด ไม่สบายตัวได้
*เปิดเพลงเบาๆให้ลูกฟัง เพื่อจะให้คลื่นเสียงดีๆ จากเพลงนั้นๆส่งผ่านถึงลูกได้
*เลือกรายการทีวีดีๆ ให้ลูกฟัง รายการไหนเต็มไปด้วยความรุนแรง รายการนั้นจะส่งคลื่นความรุนแรง และความโกรธออกมา ซึ่งเมื่อลูกดูและนำไปเลียนแบบอาจกลายเป็นเด็กที่ก้าวร้าวรุนแรงต่อไปได้
*พูดจาดีๆ ต่อกัน คลื่นเสียงที่ทั้งพ่อและแม่พูดคุยกันในบ้าน จะช่วยให้บ้านเต็มไปด้วยคลื่นเสียงแห่งความปรารถนาดี และลูกจะได้รับอานิสงส์อย่างนี้มากที่สุด
*แก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ บ้านไหนใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา เช่น ขว้างปาสิ่งของหรือทำร้ายกันบ้านนั้นจะอบอวลไปด้วยคลื่นเสียงแห่งความรุนแรงและก้าวร้าว ทำให้เด็กได้รับผลกระทบทางจิตใจ และอาจเรียนแบบพฤติกรรมนั้นๆได้