โทรทัศน์:สาเหตุที่เด็กพูดช้า
เด็กหลายๆรายมีปัญหาพัฒนาการทางภาษาช้า เมื่อคุณพ่อคุณแม่พาไปปรึกษาแพทย์ ปรากฏว่าไม่ได้เกิดจากการได้ยินผิดปกติ ไม่ใช่ออทิสติก และไม่ได้เกิดจากความบกพร่องทางสติปัญญา
แต่พบว่าปัญหาที่สำคัญคือการที่เด็กอยู่กับโทรทัศน์นานเกินไปนั่นเอง
โดยทั่วไปปัญหาลักษณะนี้จะเกิดกับเด็กที่ดูโทรทัศน์นาน ๖-๘ ชั่วโมงต่อวัน และไม่ใช่ดูแบบช่วงสั้นๆอย่างดูโฆษณาสลับกับการเล่น แต่มักเป็นเด็กที่ดูอย่างต่อเนื่อง ๓๐ นาที บางครั้งเป็นชั่วโมง หรือดูวิดีโอซีดีจนจบแผ่น ดูซ้ำๆหลายรอบ และมักมีอารมณ์ร่วมกับเนื้อหาที่ดู เด็กบางคนสนใจดูโทาทัศน์ตั้งแต่อายุน้อยมาก เช่นอายุเพียง ๙ เดือน และมักดูต่อเนื่องมาเรื่อยๆและนานขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเมื่อมีอายุมากขึ้น เด็กกลุ่มนี้จะมีพัฒนาการทางภาษาล่าช้า เนื่องจากขาดการกระตุ้นและการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เลี้ยงดู
กุมารแพทย์และจิตแพทย์อธิบายว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะการดูโทรทัศน์เป็นการสื่อสารทางเดียวคือ ไม่ว่าเด็กจะยิ้ม หัวเราะ หรือพยายามสื่อสารทางกายในรูปแบบใดก็ตาม โทรทัศน์ไม่เคยตอบสนองกลับคืนมา แต่จะส่งเพียงภาพและเสียงมาตามสัญญาณโทรทัศน์เท่านั้น เด็กที่ดูโทรทัศน์ตลอดวันจึงเรียนรู้แต่การรับอย่างเดียว ไม่เรียนรู้การส่งหรือการสื่อสารออกไป ต่างจากเด็กที่พูดคุยปฏิสัมพันธ์กับพ่อแม่ ซึ่งจะสามารถเรียนรู้การส่งสารออกไปได้เร็วกว่า ในสมองของเราจะมีเซลล์ประสาทสมองและใยประสาทจำนวนมาก ในเด็กเล็กนั้นธรรมชาติจะกำหนดให้มีการสร้างใยประสาทในสมองเป็น ๒ เท่าของจำนวนที่ใช้จริง เซลล์ประสาทที่ใช้บ่อยๆจะรวมกันเป็นกลุ่มและทุกอย่างที่เด็กถูกกระตุ้นผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้าจะถูกเปลี่ยนเป็นกระแสไฟฟ้าไปยังจุดเชื่อมต่อของใยประสาท เพื่อสื่อสารกับเซลล์ประสาทสมองอื่นๆ ถ้าไม่มีการกระตุ้น จุดเชื่อมต่อใยประสาทที่ไม่ได้สื่อสารกับเซลล์ประสาทสมองอื่นก็จะหมดสภาพและลีบฝ่อไปในที่สุด แต่ถ้าถูกกระตุ้นให้ใช้ ใยประสาทก็จะแข็งแรงไม่ฝ่อไป ดังนั้นเด็กที่ดูแต่โทรทัศน์จะขาดเวลาและโอกาสที่จะได้รับการกระตุ้นทางการพูดคุย เซลล์ประสาทสมองที่เกี่ยวกับพัฒนาการทางภาษาก็จะไม่ได้รับการกระตุ้น เด็กกลุ่มนี้อาจเรียนรู้ที่จะรับสารอย่างเดียว จึงพูดช้าและไม่ค่อยทำตามสั่ง