โมโม่ (Momo)
“เรามีปฏิทิน และนาฬิกาสำหรับวัดเวลา แต่เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันมากไปกว่านั้น เพราะเรารู้กันอยู่แล้วว่า บางครั้งเวลาหนึ่งชั่วโมงก็นานเหมือนกับจะไม่รู้จักมีที่สิ้นสุด แต่บางทีกลับเหมือนเป็นเพียงพริบตาหนึ่ง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะประสบอะไรในชั่วโมงนั้น เพราะเวลาคือชีวิต และชีวิตสถิตอยู่ในหัวใจ”
“โมโม่” เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อาศัยอยู่ในโรงละครโบราณแถบชานเมือง ไม่มีใครรู้ว่าโมโม่เป็นใคร มาจากไหน ทุกคนรู้เพียงหากมีเรื่องใดอยากระบาย มีปัญหากลัดกลุ้มก็สามารถเล่าให้โมโม่ฟังได้เสมอ และทุกครั้งคนเหล่านั้นก็จะกลับไปพร้อมความโล่งใจ สุขใจ ... เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ไม่ได้ลงมือช่วยแก้ปัญหาใด เพียงแต่เธอ ‘รับฟัง’ และ ‘ใส่ใจ’ ในคำพูดทุกคำเท่านั้นเอง
แต่ไม่นานหลายอย่างในเมืองได้เปลี่ยนไป ผู้คนที่เคยแวะเวียนมาเล่าชีวิตตัวเองให้โมโม่ฟังเริ่ม ‘ไม่มีเวลา’ มาหาโมโม่ เด็กที่เคยตั้งกลุ่มเล่นเกมด้วยกันทยอยหายไปทีละคนเพราะพ่อแม่มองว่า ‘เสียเวลา’ ลงท้ายแม้โมโม่จะยังมีเวลารับฟังทุกคนเหมือนเคย แต่ดูเหมือนไม่มีใครมีเวลาสำหรับโมโม่อีกต่อไป เมืองที่เคยเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย หัวเราะ หยอกล้อกลายเป็นเมืองแห่งความรีบเร่ง เคร่งเครียด แข่งขันกันทำแต่งาน
สาเหตุทั้งหมดมาจาก ‘ผู้ชายสีเทา’ ผู้ปลุกกระแสให้มนุษย์ประหยัดเวลา ตั้งหน้าตั้งตาทำงานให้มากขึ้น พูดคุยกันให้น้อยลง โดยไม่มีใครสังเกตเลยว่ายิ่งเร่งรีบ ยิ่งประหยัดเวลาเท่าไร เวลาในชีวิตยิ่งลดน้อยเท่านั้น … หลงเหลือเพียงโมโม่ที่ไม่ตกอยู่ภายใต้เงาร้ายสีเทา และต้องหาทางออกของปัญหานี้ให้เจอ
ท่ามกลางการเจริญเติบโตของเทคโนโลยีในโลกปัจจุบัน ทำให้เราต่างเร่งจังหวะชีวิตของตัวเองเพื่อมุ่งไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด จนเผลอละทิ้งความรื่นรมย์ของชีวิตที่ควรมีไประหว่างทาง
“โมโม่” เล่มนี้จะช่วยสะกิดให้เราเห็นคุณค่าของการชะลอจังหวะชีวิต และรู้จักเก็บเกี่ยวความสุขให้ตัวเองมากกว่ามุ่งหวังแต่ความสำเร็จลม ๆ แล้ง ๆ ที่ต้องแลกมาด้วยความโดดเดี่ยวและอ้างว้าง