หลงรักบรัดเล่ย์ เด็กเกเรหลังห้องเรียน
บรัดเล่ย์ ชอล์กเกอร์ส การบ้าน วิชาเลข หน้า 43 โรงเรียนเนินเขาสีแดง ห้องหมายเลข 12 ห้องครูเอ๊บเบล โต๊ะตัวสุดท้าย แถวสุดท้าย ตาเขียวหนึ่งข้าง
ทั้งที่เมื่อก่อนไม่คิดจะให้ความสนใจกับวรรณกรรมเยาวชนเท่าไหร่นัก ไม่เคยจะปลายตามองด้วยซ้ำเวลาเดินเข้าร้านหนังสือ แต่เพราะน้องสาวที่น่ารักคนหนึ่งเอาวรรณกรรมเยาวชนเล่มหนึ่งมาให้อ่าน พออ่านจบรู้สึกว่าหลงรักโลกของเด็กๆเหลือเกิน เพราะน่าค้นหา เต็มเปี่ยมไปด้วยจินตนาการ ความสดใส ช่างคิด ช่างฝัน นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันไม่อาจละสายตาไปจากมุมวรรณกรรมเยาวชนได้ในระยะ หลังๆ เมื่อเดินเข้าร้านหนังสือ กลางเดือนพฤศจิกายนหลายปีมาแล้ว พบวรรณกรรมเยาวชนเล่มหนึ่งชื่อ “บรัดเล่ย์ เด็กเกเรหลังห้องเรียน” พลิกเปิดอ่านดูคร่าวๆ ก็ยังไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไหร่ แต่พอไปอ่านประวัติผู้แต่งที่มีอยู่น้อยนิดด้านหลัง หลุยส์ ซัคเกอร์ ผู้เขียนบอกว่า “ผมไม่ได้เขียนหนังสือเอาใจเด็ก ไม่เคยพยายามคิดว่าเด็กจะสนุกหรือเปล่า ผมเขียนในสิ่งที่ผมคิดว่าสนุก ผมเขียนให้เขาได้มองเห็นอะไรบางอย่างและเก็บมาคิด” แล้วเขาก็ทำอย่างที่เขาพูดจริงๆ เพราะหนังสือเล่มนี้อยู่ในใจของเด็กๆมากมายและยังได้รับรางวัลชนะเลิศ วรรณกรรมเยาวชนยอดเยี่ยมจากหลายสถาบัน โดยเด็กๆเป็นผู้เลือกเองเสียด้วย อีกทั้งยังได้รับการตีพิมพ์ในประเทศไทยเป็นครั้งที่ 7 อีก เท่านี้คงเพียงพอจะทำให้รู้สึกว่าเรื่องของบรัดเล่ย์เจ้าเด็กตัวแสบคนนี้ไม่ ธรรมดาเสียแล้ว
เมื่อได้อ่านก็ไม่ผิดหวังเลย หลงรักบรัดเล่ย์อย่างถอนใจไม่ขึ้น อ่านจบในเวลาไม่กี่ชั่วโมง เขาเป็นเด็กที่น่ารัก น่าเอ็นดู น่าชังและน่าค้นหาไปพร้อมๆกัน ที่ประจำของบรัดเล่ย์ ชอล์กเกอร์ อยู่หลังห้อง ที่โต๊ะตัวสุดท้าย แถวสุดท้าย ไม่มีใครอยากจะนั่งกับคนเกเรนักหรอก เขาเองก็ใช่จะแคร์ใคร แถมมีวิธีสารพัดที่จะทำให้เพื่อนๆและครูลืมว่าเขามีตัวตนในห้องโดยไม่ต้อง ใช้ความพยายามอะไรมากนัก อาทิ ไม่ชอบทำการบ้าน เรียนซ้ำชั้น ก้าวร้าว คำพูดที่เขามักใช้ติดปากเวลาพูดกับผู้ใหญ่ คือ “...ถ้าไม่เชื่อก็โทรไปถาม...ดูก็ได้” คำโกหกที่เป็นไม้ตาย อ้างอิงชื่อผู้ใหญ่คนนั้นคนนี้ไปทั่ว เขาพอใจที่จะทำให้คนอื่นไม่ต้องมาวุ่นวายกับเขามากนักและรักที่จะทำตัวเอง ให้เป็นเด็กเกเรอยู่เสมอ เขาคิดว่าเขามีดีกว่าคนอื่นเสียด้วย พฤติกรรมที่เขาทำบ่อยๆเวลาอยู่ในห้องเรียนนอกจากไม่สนใจครูผู้สอน เขามักจะชื่นชอบกับการขีดเขียนเละเทะบนโต๊ะเรียน หรือไม่ก็ตัดกระดาษเป็นรูปทรงที่ได้เรื่องเท่าไหร่ เอ้อ...แม้บรัดเล่ย์จะไม่คิดมีเพื่อน แต่เขาก็ยังมีจนได้แถมยังน่ารักและเข้าใจเขาเสียด้วย เพื่อนๆของเขา คือ ตุ๊กตาของเล่นที่เขาสะสมอยู่ พวกมันรอคอยเขาอยู่เสมอในห้องส่วนตัวและนั่นคือความสุขมหาศาลของบรัดเล่ย์ใน พื้นที่ส่วนตัวของเขาที่จะแสดงความอ่อนโยน ใจดีกับเพื่อนของเขา แต่ไม่นานนักหรอกสำหรับบรัดเล่ย์ที่เขาจะค้นพบความจริงของชีวิต หลายอย่างจากเพื่อนที่เขาไม่คิดจะคบด้วยและจากครูที่ปรึกษาที่ดูไม่เหมือน ครูทั่วไป...บรัดเล่ย์จะเรียนรู้ได้แค่ไหน แล้วจะมีเหตุการณ์อะไรกับเขา เขาจะผ่านบททดสอบการลุกขึ้นมาทำดีได้ไหม ต้องลองรู้จักเขาเอง แต่ขอบอกว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะมากสำหรับทุกเพศ ทุกวัย ยิ่งถ้าผู้ใหญ่อ่านจะเข้าใจเด็กเกเรคนหนึ่งได้เป็นอย่างดีทีเดียว แล้วคุณอาจมองเขาต่างไปจากเดิมก็ได้