ติสตูนักปลูกต้นไม้
“... มีเมล็ดพันธุ์อยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่ง ไม่ใช่เพียงในดินเท่านั้น
แต่มันมีอยู่บนหลังคาบ้านเอย บนขอบหน้าต่างเอย บนทางเดิน บนรั้วไม้ บนกำแพง เมล็ดพันธุ์เหล่านั้นมีเป็นเรือนแสนเรือนล้าน ที่ไม่ได้ใช้ทำอะไรเลย มันอยู่ที่นั่นรอให้ลมพัดผ่านมาเพื่อพาไปยังทุ่งหรือไปสู่สวน
มีอยู่บ่อยครั้งที่เมล็ดพันธุ์เหล่านั้นแห้งค้างอยู่ในซอกหินโดยไม่อาจกลายเป็นดอกไม้ได้
แต่หากนิ้วหัวแม่มือสีเขียวได้สัมผัสเมล็ดพันธุ์เหล่านี้เมล็ดเดียว ไม่ว่ามันจะอยู่ในที่ใดก็ตาม
ดอกไม้จะงอกขึ้นในทันทีทันใด ...”
ณ เมืองมีรฺปวล ประเทศฝรั่งเศส มีโรงงานผลิตปืนที่โด่งดังไปทั่วโลก เป็นโรงงานของครอบครัวมหาเศรษฐีที่มีพร้อมทั้งชื่อเสียง ทรัพย์สมบัติ บริวารคนรับใช้ และยังมีบุตรชายตัวเล็ก ๆ หน้าตาน่าเอ็นดูอีกคนหนึ่ง ชื่อว่า ‘ติสตู’ … แต่ติสตูกลับเป็นเด็กที่ผู้ใหญ่เห็นว่า ‘แปลก’ และมีปัญหาด้านการศึกษา เพียงเพราะติสตูมองโลกในมุมที่ต่างจากผู้ใหญ่ และหวังให้โลกนี้ดีขึ้นด้วยวิธีสันติ ไม่ใช่ด้วยความรุนแรง อาทิการกักขังนักโทษไว้ในคุกสภาพน่าเกลียดน่ากลัว ติสตูคิดว่าถ้าคุกน่าอยู่กว่านี้ นักโทษย่อมกลับตัวเป็นคนดีได้ง่ายกว่าเดิม และความคิดเช่นนี้เองที่คุณครูพากันไม่ชอบใจ เห็นว่าติสตูไม่อยู่ในโลกแห่งความจริง
แม้จะถูกผู้ใหญ่ปิดกั้นความคิด แต่ติสตูยังโชคดีอยู่บ้าง เมื่อ ‘มูสตาช’ คนสวนค้นพบพรสวรรค์ที่ซ่อนเร้นในตัวติสตู นั่นคือ เขาเป็นเด็กชายผู้มีนิ้วหัวแม่มือสีเขียว นิ้วที่จะทำให้ดอกไม้ ต้นไม้งอกเงย แม้กับเมล็ดพันธุ์ที่แห้งค้างมานานก็งอกงามขึ้นได้เมื่อสัมผัสกับนิ้วโป้ง นี้
ติสตูไม่ปล่อยให้พรสวรรค์นี้ซ่อนเร้นอีกต่อไป เขาทำให้คุกที่เคยมีแต่เหล็กแหลมคมกลายเป็นคุกที่มีดอกไม้อยู่ทั่วทุกแห่ง สลัมโกโรโกโสก็กลายเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวแห่มาชมความงามของดอกไม้นานา พันธุ์ สร้างรายได้ให้ผู้คน จนสลัมกลายเป็นชุมชนที่น่าอยู่กว่าเดิม แต่ติสตูภูมิใจกับผลงานเหล่านี้ได้ไม่นานนัก เมื่อเขารู้ว่ากำลังจะเกิดสงคราม และปืนที่ใช้รบทั้งหมดผลิตจากโรงงานของคุณพ่อเขาเอง!!!
ติสตูเป็นตัวแทนความอ่อนโยน และความสะอาดในโลกที่สกปรกขึ้นทุกวัน เมื่อสังคมเกิดปัญหา ผู้ใหญ่มักแก้ด้วยวิธีแข็งกร้าวรุนแรง ไม่คิดถึงผลร้ายที่จะเกิดตามมา การปลูกต้นไม้ในที่ที่ผู้ใหญ่คิดว่ามีแต่ ‘ขยะสังคม’ ทำให้เราเห็นแล้วว่าขยะเหล่านั้นก็กลับมีค่าขึ้นได้ถ้าจัดการให้ถูกวิธี สิ่งหนึ่งที่ในวรรณกรรมเรื่องนี้มี แต่สังคมปัจจุบันไม่มีคือ การเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าความดียังมีอยู่ และศรัทธาในความดีเหล่านั้นว่ามันจะทำให้สังคมเราดีขึ้นได้ทีละเล็กทีละน้อย