เอมีล ยอดนักสืบ
... “ฉันกำลังสังเกตการณ์หัวขโมยคนหนึ่งอยู่”
“ว่าไงนะ ขโมย? นี่ฉันฟังผิดไปหรือเปล่า” เด็กชายคนนั้นพูด “เจ้าหัวขโมยนั่นไปลอกคราบใครเข้าล่ะ”
“ฉันน่ะสิ!” เอมีลพูด
ปิดเทอมนี้ ‘เอมีล’ ต้องนั่งรถไฟไปหาญาติ ๆ ที่เมืองเบอร์ลิน ก่อนออกเดินทางคุณแม่ฝากเงินจำนวน 140 มาร์คไปให้คุณยาย เอมีลเอาเข็มกลัดติดธนบัตรไว้กับเสื้อนอกด้านในกันไม่ให้เงินหล่นหาย แต่ระหว่างทางเขาเผลอหลับไป เมื่อตื่นขึ้นอีกทีจึงพบว่าเงินที่คุณแม่ฝากมาหายไปพร้อมกับชายสวมหมวกปีก แข็งที่นั่งรถไฟตู้เดียวกัน
เอมีลตัดสินใจลงรถไฟ และสะกดรอยตามชายคนนั้น ในระหว่างที่เอมีลแอบดูพฤติกรรมหัวขโมยอยู่นี่เอง ‘กุสตาฟ’ เด็กชายเจ้าถิ่นได้เสนอตัวช่วยเอมีลหาวิธีจับขโมย โดยกุสตาฟรวบรวมเด็ก ๆ ในเมืองมาได้จำนวนหนึ่ง เอมีลกับเด็กเหล่านั้นจึงร่วมกันวางแผน ทั้งหมดกระจายกำลังไปยังจุดต่าง ๆ ช่วยเหลือกันเท่าที่จะทำได้เพื่อจับผู้ใหญ่ขี้ขโมย และเอมีลจะได้เอาเงินที่แม่ของเขาเก็บเล็กผสมน้อยไปให้คุณยาย
เด็ก ๆ ใช้เวลาเป็นวันกว่าจะจับขโมยได้ แต่ก็ใช่ว่าจับได้แล้วเรื่องราวจะจบอย่างมีความสุข เพราะผู้ใหญ่คนนี้กลับไม่ยอมรับว่าตนขโมยเงินเอมีล!
การที่เด็กจะเอาชนะผู้ใหญ่เป็นเรื่องไม่ง่าย โดยเฉพาะเมื่อผู้ใหญ่ทำผิดมหันต์แต่ไม่ยอมรับผิด ผู้คนมักรับฟังและเชื่อถือแต่คำพูดของผู้ใหญ่ โดยละเลยเสียงของเด็ก ทั้งที่ความบริสุทธิ์ของเด็กอันตรายน้อยกว่าการกระทำของผู้ใหญ่หลายเท่านัก