Skip to content. | Skip to navigation

Personal tools
Log in
This Logo Viewlet registered to qPloneSkinBusiness4 product
You are here: Home แนะนำหนังสือภาพสำหรับเด็ก เมล็ดแครอท

เมล็ดแครอท

เมล็ดแครอท
บทความ ธีรวงศ์ ธนิษฐ์เวธน์ เมล็ดแครอท จากเรื่อง The Carrot Seed ของ Ruth Krauss และ Crockett Johnson, แปลโดย งามพรรณ เวชชาชีวะ
เมล็ดแครอท

เมล็ดแครอท

ผู้เขียนลังเลอยู่นานว่าควรจะเขียนถึงหนังสือเล่มนี้ในแง่มุมไหน และบอกเล่าด้วยวิธีใด เพราะหนังสือเล่มเล็กเล่มนี้มีเรื่องราวบอกเล่าเรามากเหลือเกิน ตั้งแต่วิธีคิดในการทำหนังสือภาพสำหรับเด็กที่ "ดูไม่มีอะไรมาก" เรื่องราวของผู้ประพันธ์ เรื่องของผู้วาดภาพประกอบ และวิธีคิดของหนังสือ รวมถึงสิ่งที่เด็กๆเห็นและสัมผัสได้6a00e54eeecc2f883400e54f3d8bb68834800wi.gifจากหนังสือ กระทั่งอาจจะพูดไปได้ถึงทั้งมุมมองของผู้ใหญ่ต่อหนังสือเล่มนี้ และการแปลที่มีประเด็นรวมอยู่ด้วย หนังสือเล็กๆเล่มนี้ จึงมีเรื่องราวอยู่มากมากมายให้พูดถึง ไม่ต่างจาก "แมวล้านตัว" ของ แวนด้า ก็อก ที่อยู่ยืนยงมากว่า ๗๐ ปี ในขณะที่ "เมล็ดแครอท" ก็ฉลองครบรอบ ๖๐ ปี ไปเมื่อหลายปีก่อน

 

ความแตกต่างของ "แมวล้านตัว" กับ "เมล็ดแครอท" อยู่ตรงที่ความซับซ้อนของเรื่องราวที่เล่มนี้มีน้อยกว่า และน้อยมากจนดูเหมือนไม่มีอะไร เรื่องมีเพียงว่า เด็กคนหนึ่งเอาเมล็ดแครอทปลูกลงดินและเพียรดูแลรดน้ำอยู่ทุกวัน ในขณะที่ทุกๆคนในบ้านต่างก็ดาหน้าออกมาพูดว่า มันคงไม่งอกหรอก วนเวียนอยู่อย่างนั้น แต่เด็กน้อยเฝ้าดู รดน้ำ ดูแลต่อไป โดยไม่ยี่หระกับเสียงเหล่านั้น แล้ววันหนึ่งมันงอกออกมา เป็นต้นแครอทขนาดมหึมา เรื่องมีอยู่เท่านั้น แต่หนังสือเล่มเล็กที่มีภาพอยู่เพียง ๑๒ ภาพ กลับมีพลังยิ่งใหญ่ ดึงดูดเด็กๆอย่างต่อเนื่องมากว่า ๖๐ ปี

 

วิธีเล่าเรื่องของ น่าสนใจมากเพราะเปิดเรื่องก็เข้าประเด็นทันที ราวกับดูหนังkrausssimonthappyday.jpgแอคชั่นชั้นดีในปัจจุบัน ไม่อ้อมค้อมเยิ่นเย้อ ตัดประเด็นอื่นออกหมดเกลี้ยง ทั้งเนื้อความและภาพประกอบ เราจึงไม่เห็นแม้แต่ต้นหญ้าหรือรายละเอียดอื่นใดสักอย่าง นอกจากเด็กน้อยคนนั้นกับป้ายหลุมปลูก และผู้คนในบ้านที่ทยอยดาหน้ามาแสดงความเห็น เป็นการเล่าเรื่องในวิธีที่แตกต่างจากหนังสือเล่มอื่นๆโดยสิ้นเชิง และแตกต่างวิธีเล่าเรื่องของนักประพันธ์ส่วนใหญ่ที่เราคุ้นเคยทั้งไทยและเทศ ราวกับว่าผู้ประพันธ์สนใจประเด็นนี้เพียงประเด็นเดียว ส่วนผู้วาดภาพประกอบก็ดูจะเข้าใจแจ่มชัดถึงสารที่จะเสนอ กระทั่งผู้เขียนเองแทบไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไรว่าเป็นการทำงานร่วมกันของคนสองคน(แม้จะเป็นคู่สมรสกันก็เถอะ) แต่เมื่อพิจารณาว่างานประพันธ์หนังสือภาพทุกเล่มของเธอล้วนเป็นการทำงานร่วมกับศิลปินชั้นนำทั้งสิ้น ทั้ง Crockett Johnson เจ้าของผลงาน"ฮาโรลกับดินสอสีม่วง" อันลือลั่น คู่ชีวิตผู้วาดภาพประกอบให้เมล็ดแครอตจนได้รับรางวัลแคลเดอคอต รวมถึง Maurice Sendak ผู้ประพันธ์และออกแบบภาพประกอบ หนังสือภาพสำหรับเด็กที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งของโลก มีผลงานภาพประกอบให้ครอสส์ถึง ๗ เล่ม (นอกเหนือจากการนำเอาผลงานเก่าของเธอมาวาดใหม่อีกหนึ่งเล่มภายหลัง)

นอกจากนั้น Ruth Krauss ยังเป็นผู้เปิดประตูแห่งหนังสือภาพฯให้ Maurice Sendak ได้เข้าไปเติบโตยิ่งใหญ่ในโลกหนังสือเด็ก ด้วยการทำงานชิ้นแรกให้เธอเมื่อเขาอายุ ๒๒ ปี (ครอสส์อายุมากกว่าเซนดัก ๒๗ ปี) ส่วน Marc Simont ผู้ร่วมงานในยุคต้นๆของเธอก็มีรางวัลประดับผลงานมากมายจากงานภาพประกอบกว่าร้อยเล่มของเขา และหนึ่งในงานที่เขาได้รับรางวัลนั้นก็เป็นการทำงานร่วมกับ ครอสส์ อีกเช่นกัน

 

Johnson.portrait.sm.jpegผู้เขียนมีความรู้สึกว่าหนังสือเล็กๆเล่มนี้ นำเสนอวิธีคิดกึ่งๆขบถที่เด็กมักจะมีต่อผู้ใหญ่ที่ไม่แน่ใจนักว่าผู้ใหญ่ในบ้านเราจะรู้สึกกันอย่างไร เพราะเด็กคนนี้ออกจะดื้อดึงและต่อต้านอยู่ในที แต่กับผู้คนในวัฒนธรรมของผู้ประพันธ์นั้น อาการเช่นนี้ได้รับการยกย่องนับถือเอาการอยู่ เพราะการให้ความนับถือในความมุ่งมั่นนั้นดูจะเป็นคติพื้นฐานที่เราได้ฟังได้ยินกันอยู่บ่อยๆ เมล็ดแครอต จึงถูกมองและตอบรับจากผู้อ่านราวกับ แมน ออฟ ลาเมนชา ในมุมของเด็กเลยทีเดียว

 

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนมีความรู้สึกว่าสำนวนแปลออกจะเคร่งครัดกับต้นฉบับมากอยู่สักหน่อย จึงไม่ค่อยลื่นไหลเป็นภาษาที่เราพูดกันอยู่จริงใน

Ruth

เวลาอ่านออกเสียง สำเนียงภาษาค่อนจะเป็นสำนวนฝรั่งอังกฤษมากกว่าสำนวนไทย โดยเฉพาะประโยคซ้ำในเกือบทุกๆหน้า จึงไม่ค่อยแน่ใจว่าเด็กๆจะสัมผัสถึงเนื้อความของเรื่องได้ลึกซึ้งมากน้อยเพียงใด และหนังสือจะได้รับการตอบรับจากผู้อ่านและผู้ฟังมากเพียงใด

 

หนังสือเล่มนี้เป็นบรรพบุรุษของหนังสือภาพสำหรับเด็กทุกเล่มในอเมริกา มันเปลี่ยนวิธีการทำหนังสือสำหรับเด็กไปตลอดกาล
"เมล็ดแครอท" งดงามไร้ตำหนิ ไม่มีแม้แต่จุดเดียวที่ภาพหรือคำพูดจะอยู่ผิดที่ผิดทาง มันสะเทือนอารมณ์ กระจ่าง แม่นยำ กระชับในทุกรายละเอียด ราวกับกระโดดออกมาจากโลกอันแท้จริงของเด็กๆ
-Maurice Sendak
Navigation