การได้อ่านหนังสือดีๆสักเล่ม ก็สามารถเปลี่ยนชีวิตของคนได้
คุณเชื่อไหมว่า กาลครั้งหนึ่งมีเด็กชายคนหนึ่งผู้เกลียดการอ่านเข้ากระดูกดำ แต่แล้วเข้ากลับหันเหเกิดความต้องการอยากเป็นนักเขียน เพียงเพราะอ่านหนังสือเล่มเดียวเท่านั้น และเด็กชายคนนั้น ปัจจุบันเขาคือ Grant R. Philips นามปากกาของนักเขียนวรรณกรรมเยาวชน และเจ้าของนามปากกาอื่นในการเขียนเรื่องแนวสยองขวัญ ฟิลลิปส์ ประกาศสงครามกับการอ่านหนังสือตั้งแต่เยาว์วัย เขาเล่าให้เราฟังว่า “ผมเติบโตมาพร้อมๆกับความรู้สึกเกลียดการอ่าน และสามารถทำได้ทุกอย่างที่ทำได้เพื่อหลีกเลี่ยงหนังสือ” ซึ่งเมื่อย้อนทบทวนภายหลัง ฟิลลิปส์จึงได้เรียนรู้ว่าจริงๆแล้วตอนนั้นเขารู้สึกเจ็บปวด เพราะไม่สามารถอ่านเพื่อทำความเข้าใจได้ต่างหากล่ะ
แต่เชื่อเถิดว่า สิ่งที่ครูบังคับยัดเยียดให้ลูกศิษย์จะต้องเป็นสิ่งที่ดีและมีคุณค่าเสมอ เพราะเมื่อเขาเรียนอยู่เกรด 7 ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลถึงอนาคตที่ใครๆก็คาดไม่ถึงแม้แต่ตัวเขาเอง นั้นคือครูสอนภาษาอังกฤษ ได้กำหนดให้ในปีนั้นนักเรียนทุกคนต้องอ่านหนังสือของ S.E.Hinton 4เล่ม(ได้แก่ The Outsiders, Rumble Fish, Tex และThat Was Then This Is Now )
โดยเฉพาะเรื่อง The Outsiders ที่ผู้เขียนแต่งเมื่อตอนอายุเพียง 16 ทำให้เด็กชายทึ่งตะลึงงันกับโลกใบใหม่ที่เขาพึ่งคนพบ ผ่านหนังสือตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย เขาครุ่นคิดถึงมันหลังการอ่าน และอดใจรออ่านเล่มต่อไปแทบไม่ไหว และก่อนที่เด็กชายจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา เขาก็กำลังซื้อหนังสือในร้าน และตะลุยอ่านอย่างน้อยเดือนละเล่ม
ตอนอายุ 13 ปี เขาบอกกับตัวเองว่า “อยากเป็นนักเขียน” เมื่ออายุ 14 ปี เขาเริ่มแต่งเรื่องสั้น และตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องได้เซ็นสัญญาซื้อขายนวนิยายเรื่องแรกตอนอายุ 30 ปี
ฟิลลิปส์ จำได้ไม่ลืมว่าเดือนกรกฎาคม ปี 1999 เขาได้เซ็นสัญญาขายนวนิยายเล่มแรก หนังสือวางเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2000 และเขาก็อายุครบ 30 ปี ในเดือนมิถุนายน ปีนั้นนั่นเอง!
ปัจจุบันแม้เขาไม่ได้เป็นนักเขียนเต็มตัวเพราะทำอาชีพหลักคือผู้ช่วยทนายความ แต่เขาก็เป็นนักเขียนวรรณกรรมอีกหลายแนวในนามปากกาต่างๆกันด้วย
เวลาที่ใช้ในการเขียนคือเสาร์-อาทิตย์ เขาจะตื่นแต่เช้ามืดประมาณตี 3 และเขียนจนถึง 9 โมงเช้า เขาบอกว่านี่แหละคือการเขียนเพราะความรักอย่างแท้จริง และถ้าหากมันขายได้ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เยี่ยมขึ้นไปอีก
เมื่อถามถึงคำแนะนำสำหรับนักเขียนใหม่ เขายกคำพูดเก่าๆที่ลืมแหล่งที่มาไปแล้ว “หากคุณทำสิ่งที่คุณเคยทำอยู่อย่างสม่ำเสมอ คุณก็จะต้องได้รับสิ่งที่คุณเคยได้รับเสมอ”
ดังนั้นเขาจึงแนะนำให้เก็บจดหมายปฏิเสธไว้ทุกฉบับ และให้ลองอ่านทบทวนจดหมายถึงบรรณาธิการที่เราต้องส่งแนบไฟล์พร้อมกับต้นฉบับ เนื่องจากมีความสำคัญและอาจมากกว่าตัวต้นฉบับเรื่องซะด้วยซ้ำ เพราะเป็นสิ่งแรกสุด และอาจเป็นสิ่งเดียวที่บรรณาธิการจะอ่าน หากเต็มไปด้วข้อผิดพลาด อาจทำให้เขาไม่อ่านงานเขียนของคุณ...และหากคุณใช้ท่วงทำนองและวิธีการเขียนแบบเดิมๆทุกครั้ง อาจถึงคราวที่ต้องปรับปรุงใหม่ ลองหาอ่านของคนอื่นๆดูบ้าง หากพบที่ถูกใจก็เก็บเอาไว้เป็นต้นแบบ! และนี้ก็คือเรื่องธรรมดาๆ แต่เป็นสิ่งสำคัญที่คุณอาจมองข้ามไป และอาจเป็นผลให้คุณได้รับแต่คำปฏิเสธเรื่อยมา...